วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร

สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร
" ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว” เป็นคำพูดที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ความหมายง่าย ๆ มีอยู่ในตัวอยู่แล้ว คือเมื่อเรามีสุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็จะดีตามด้วย คนที่มีสุขภาพจิตดี ก็คือ คนที่เข้าใจตนเอง สามารถปรับตัวปรับใจได้อย่างเหมาะสมกับสังคมและสภาพความเป็นจริง เมื่อมีปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นในชีวิตก็สามารถคิดแก้ไขได้อย่างถูกวิธ ี คนที่อยากมีสุขภาพจิตดี จะต้องทำอย่างไรบ้าง เทคนิคการดูแลสุขภาพจิตให้ดีนั้นมีหลักปฏิบัติไม่ง่ายไม่ยากเกินไปดังนี้
 
1. ฝึกฝนจิตใจ ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้บอกเราไว้ว่า “ใจสว่าง ใจสะอาด ใจสงบ ถ้ามีครบจึงเรียกว่ามนุสสา” ทุกคนควรหมั่นฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองให้มั่นคง สุขุม เยือกเย็น มีเมตตา รู้จักให้อภัยและเข้าใจคนอื่น มองโลกในแง่ดี
2. ฝึกปรับตน รู้จักปรับความคิดของตนเองให้เป็นคนมีเหตุมีผล ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ปรับตนเองให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงในสถานการณ์ต่าง ๆได้
3. ฝึกพิจารณาตนเอง สำรวจตนเองอยู่เสมอว่า ว่าตนองนั้นมีข้อเสียตรงไหนข้อดีตรงไหน ก็เก็บเป็นกำลังใจเพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนข้อเสียก็ปรับปรุงแก้ไข
4. ฝึกทำตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคม ผลการกระทำที่เกิดจากการช่วยเหลือสังคมหรือจากการกระทำคุณความดี ก็ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจ ผู้กระทำนั้นก็มีความสุขใจ ภาคภูมิใจ และยังเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย
5. ฝึกยอมรับและเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ตามหลักพุทธศาสนาสอนว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเกิดขึ้น ..ตั้งอยู่..และดับไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน จงใช้ชีวิตอย่างมีสติ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ การฝึกตนเองมีสุขภาพจิตดีนั้น คงไม่ยากเกินไปที่จะนำไปปฏิบัติ เริ่มต้นเสียแต่ตอนนี้ ใช้ความพยายามวักนิด คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของแต่ละคนอย่างแน่นอน แล้วท่านก็จะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตดี มีชีวิตที่เป็นสุขคะ
“สร้างสุขด้วยรอยยิ้ม” “สยามเมืองยิ้ม
เป็นคำที่คุ้นหูเราชาวไทยเป็นอย่างดี เพราะนั่นดี เอกลักษณ์ประจำชาติที่ฝากไว้ ให้เป็นความประทับใจของผู้ที่พบเห็น “ยิ้ม” เมื่อได้ยินคำคำนี้ ย่อมรู้สึกดียิ่ง เพราะอานุภาพของรอยยิ้มทำให้เราสดชื่น ทำให้เรารู้สึกมีกำลังใจ บางครั้ง บรรยากาศของการทำงานรีบเร่ง หงุดหงิด วุ่นวายได้ เช่นกัน รอยยิ้มทำให้โลกสดใส รอยยิ้มทำให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้น ร้อยยิ้มทำให้มีความสุขเชื่อมั่น กับคำกล่าวต่าง ๆ ที่เมื่อฟังแล้ว ทำให้มองเห็นคุณค่าของ “รอยยิ้ม” การให้บริการรอยยิ้ม เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เริ่มต้นจากที่ทำงาน เราคงรู้สึกไม่สบายแน่ หากเช้าที่สดใส กลับกลายเป็นบรรยากาศที่เลวร้าย เมื่อเพื่อนร่วมงานมีอารมณ์ หงุดหงิด เคร่งเครียด มองดูแล้วสับสนวุ่นวาย ทำให้เรารู้สึกหงุดหงิดวุ่นวายตามไปด้วย มองย้อนกลับอีกมุมหนึ่ง กับบรรยากาศตอนเช้าที่สดใส เริ่มต้นกับการทักทายด้วยรอยยิ้ม การทำงานย่อมดำเนินไปอย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนต่างสนุกสนานกับงานที่ทำไม่เคร่งเครียด และทำงานด้วยความมุ่งมั่น เต็มความสามารถ
การให้บริการผู้คน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะผู้คนมากมาย ต่างจิตต่างใจ ดังนั้น เราควรสร้างงานบริการของเรา ให้เกิดความประทับใจแก่เขามากที่สุด รอยยิ้ม เป็นสิ่งสำคัญในการให้บริการเพราะผู้ที่มารับบริการ เขาย่อมต้องการความช่วยเหลือ ต้องการคำแนะนำหรือคำปรึกษาต่าง ๆ และคงไม่แน่เมื่อเขาเข้ารับบริการแล้ว ต้องพบกับความวุ่นวาย เคร่งเครียด หรืออาการหงุดหงิดโมโหร้าย ต่างๆ นานา ของผู้ให้บริการ หากมองย้อนกลับอีกมุมหนึ่ง เมื่อเราเป็นผู้รับบริการ เราคงไม่ต้องการพบสภาพปัญหาที่วุ่นวาย ไม่ต้องการพบคำว่าทักทายที่รุนแรง หรือการให้บริการต่างๆ การให้คำแนะนำ หรือคำปรึกษา ที่มาจากความจริงใจ ดังนั้น ร้อยยิ้มที่ดูสดใส ย่อมทำให้ผู้รับบริการประทับใจในการให้บริการ และกลับไปด้วยความสบายใจ
สภาพแวดล้อมทางสังคมดีขึ้นไปด้วย หากการให้บริการต่าง ๆ เป็นการให้บริการด้วย ร้อยยิ้ม ปัญหาวุ่นวายต่าง ๆ นานา คงลดน้อยถอยลงไป ความเคร่งเครียด สับสน วุ่นวาย อารมณ์หงุดหงิด โมโหร้ายย่อมถูกทำลายไปด้วยอานุภาพของร้อยยิ้มที่สดใส รอยยิ้ม เปรียบเสมือนแรงผลักดันที่ทำให้เรามีกำลังใจสร้างงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ รอยยิ้ม อยู่คู่ไทยต่อไป และหวังว่า คงไม่มีสิ่งใดที่จะมาทำลายความเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยได้อย่างแน่นอน หากคนไทยยังมี รอยยิ้ม ให้กัน
ให้ความรักความเข้าใจก่อนที่แผ่นดินไทยจะไม่มีใครดูแล
ให้ความรัก ความเข้าใจ ก่อนที่แผ่นดินไทย จะไม่มี ใครดูแล กับคำขวัญสั้น ๆ ที่เขียนเตือนใจให้คิดถึงระเทศชาติ ยาเสพติด ภัยร้ายที่คุกคามกระจัดกระจาย และเริ่มแผ่อำนาจมืดในทุกซอกมุมสังคม จะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดโดยเร่งด่วย เยาวชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นมันสมองอันสำคัญยิ่งของประเทศชาติ กำลังจะถูกทำลายด้วยภัยสังคมของยาเสพติด แล้วใครละ จะเป็นผู้แก้ไข
มุมหนึ่งของสังคม กับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ย่อมเป็นสิ่งที่ท้าทายอยู่ไม่น้อยเมื่อคำขวัญเตือนใจ ข้างซองบุหรี่ ไม่ได้สร้างความวิตกกังวลต่อผู้ใช้ อิทธิพลการแผ่กระจายของยาบ้าที่เคียงคู่กันไปกับการกวาดล้างของผู้พิทักษ์สันติราษร์ หรือจะเป็นคำเตือนที่ว่า การดื่มสุราทำให้ไม่สามารถในการขับขี่ยานพาหนะลดลง แต่ดูแล้ว กลับเพิ่มประสิทธิภาพความรุนแรงในการขับเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น สิ่งต่าง ๆ เริมขัดแย้ง จึงทำให้เห็นคุณค่าที่ว่ายิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มากยิ่งขึ้น กอปรกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำย่ำแย่ เกิดปัญหาการว่างงาน ปัญหาอาชญากรรมเริ่มตามมา เมื่อปัญหาต่าง ๆ รุมล้อมกาย ผู้ที่ประสบกับปัญหาเหล่านั้น ย่อมแก้ไขปัญหาโดยการใช้ยาเสพติดเป็นที่พึ่ง จึงทำให้ผู้ติดสารเสพติดมีจำนวนมากขึ้นด้วย ดังนั้นเมื่อจำนวนผู้ใช้สารเสพติดมีจำนวนมากกว่าที่ต้องการจะทำลาย สารเสพติด ย่อมให้กำลังใจจากผู้ใช้มากขึ้น แล้วผลกระทบมาคืออะไร
เชื่อว่า หลายต่อหลายคน คงไอยากเสียคนที่ตนรัก หลายต่อหลายคน คงไม่อยากเสียน้ำตาให้กับยาเสพติด อย่าคิดว่าปัญหายาเสพติด ไม่ใช่เรื่องที่ตนต้องแก้ไข อย่าเห็นว่าปัญหายาเสพติดเป็นเรื่องเล็กน้อย ใครจะติดติดไป ใครจะตายช่างมัน แล้วถ้าหากลองมองย้อนกลับไป เมื่อผู้ใช้สารเสพติด เป็นคนที่เรารัก เป็นคนที่เราห่วงใย เป็นบุตรหลาน ญาติพี่น้องของเรา แล้วเราคงไม่ต้องเสียน้ำตาให้กับยาเสพติดหรือก่อนที่สังคมไทยจะถูกทำลาย ก่อนที่ เยาวชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นมันสมองอันสมองของประเทศชาติ จะตกเป็นทาสของยาเสพติด ให้ความรัก ความห่วงใย ความเข้าใจ เขาเหล่านั้นสักนิดหยุดคิด ร่วมแก้ไขปัญหา อย่าให้คนที่ต้องเสียน้ำตาให้กับยาเสพติดคนต่อไป ต้องเป็นคุณ
 
 
                        วิเคราะห์บทความเรื่องสุขภาพจิตดี ได้อย่างไร
 
               เทคนิคการดูแลสุขภาพจิตให้ดีไม่ยากเลย ถ้าเราทำได้ก็จะเป็นคนที่มีสุขภาพที่แข็งแรงทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ มีวิธีการคือ
        - การฝึกฝนจิตใจให้เป็นคนสุขุม เยือกเย็น มีเมตตา รู้จักให้อภัยและมีเมตตา รู้จักให้อภัย
        - รู้จักปรับความคิดของตนเองให้เป็นคนมีเหตุมีผล ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น
        - สำรวจตนเองอยู่เสมอ ว่าตนองนั้นมีข้อเสียตรงไหนข้อดีตรงไหน ก็เก็บเป็นกำลังใจเพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนข้อเสียก็ปรับปรุงแก้ไข
        -  ผลการกระทำที่เกิดจากการช่วยเหลือสังคมหรือจากการกระทำคุณความดี ก็ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจ ผู้กระทำนั้นก็มีความสุขใจ ภาคภูมิใจ และยังเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย
        -  จงใช้ชีวิตอย่างมีสติและเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ 
      การฝึกตนเองมีสุขภาพจิตดีนั้นไม่ยากเกินไปที่จะนำไปปฏิบัติ เริ่มต้นเสียแต่ตอนนี้ ใช้ความพยายามวักนิด คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของแต่ละคนอย่างแน่นอน แล้วท่านก็จะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตดี มีชีวิตที่เป็นสุข
 
 
 
 
 
 





 
10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี (ไทยโพสต์) ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องยอดฮิตติดปากของคนไทยทุกวันนี้แล้ว เห็นได้จากการทำบุญไหว้พระ คำว่า "ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง" กลายเป็นคำอธิษฐานมาแรงแซงหน้าในยุคปัจจุบัน จึงเป็นเหตุผลให้ผู้คนมากมายในสังคมมองหาหนทางรักษาสุขภาพของตัวเอง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยอันนำมาซึ่งความเสียหายและปัญหาอื่น ๆ ตามมามากมาย

ล่าสุด นิตยสาร H to H Magazine ได้รายงาน "10 ทิปเพื่อการมีสุขภาพดี" โดยสนับสนุนข้อมูลจากโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เราจึงนำมาบอกต่อเพื่อให้คุณ ๆ ได้ลองพิจารณา เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลย
1.แอปเปิ้ลวันละผล

คำพูดที่ว่า an apple a day, keeps doctor away เป็นจริงเสมอ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผลจะทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น จากแอนติออกซิเดนต์และสารในแอปเปิ้ลที่เรียกว่า quercetin ซึ่งช่วยทำให้ปอดแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นระบบ

2.หายใจลึก ๆ

เราควรหายใจให้ลึกเพื่อขยายการทำงานของปอด และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ แต่ทุกวันนี้เรามักหายใจสั้น ๆ เนื่องจากการทำงานในที่อับทึบ หรือเพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันลองหายใจลึก ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง และต้องเป็นแบบหายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบด้วย จึงจะเรียกว่าถูกวิธี

3.หลีกเลี่ยงการนำผักเข้าไมโครเวฟ

จากการวิจัยของสเปนพบว่า การทำผักให้สุกในไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารหายไปได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทางเลือกที่เราควรจะเลือกคือ การรับประทานผักสด ๆ หลีกเลี่ยงผักแบบไมโครเวฟ แม้อาหารกล่องอาจให้รสอร่อย แต่จงรู้ไว้ว่าสารอาหารนั้นไม่มีเหลือแล้ว

4.ขยับตัวเสมอ..สังเกตไหม

คนที่ขยับตัวอยู่เสมอจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีกว่าคนที่เอาแต่นั่ง วิธีนี้ช่วยป้องกันอาการท้องผูก รวมไปถึงโรคกระดูกพรุนด้วย

5.ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว

น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโน และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคส ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย เป็นต้น

6.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง

ในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลต่อการเกิดอาการชักได้

7.กินส้มช่วยแก้อาการเบื่อหน่ายได้

การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดได้ดีออกมาด้วย

8.การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม

อาหารมื้อเช้าช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดจะอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อย ๆ เสื่อม

9.ดาร์กช็อกโกแลตต่อต้านอนุมูลอิสระ

รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตชนิดอื่น ๆ แทบไม่มีส่วนผสมของโกโก้เลย มีเพียงดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นที่เป็นช็อกโกแลตแท้ ๆ และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีสารเฟลวานอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ ในแต่ละวันให้รับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์

10.สมการความสุข y=b+c
y คือ ความสุข b คือ ความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข อาทิ มีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นอย่างไร รู้จักองค์ประกอบของชีวิต เป็นต้น c คือ ความอยากในชีวิต หากมีความอยากมากกว่าความรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข คนคนนั้นก็มีความสุขที่ติดลบ

ที่มา : http://health.kapook.com/view398.html


วิเคราะห์บทความเรื่อง 10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี
                  
               มนุษย์ทุกคน รักตัวเอง ต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จากเหตุผลดังกล่าว เราสามารถทำให้สุขภาพดีได้ง่ายๆ จากการเลือกรับประทานอาหาร และ การกำหนดกิจกรรมในชีวิตประจำวันง่ายๆ อาทิ ทานแอปเปิ้ล วันละผล เพื่อให้ปอดแข็งแรง, กำหนดลมหายใจโดยการหายใจลึกๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ, การรับประทานผักสด, การขยับและเคลื่อนไหวตัวอยู่เสมอเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี, กินน้ำมะพร้าวเพื่อให้ร่างการได้รับแร่ธาตุครบถ้วน,การรับประทานอาหารมื้อเช้าให้เป็นนิสัยเพื่อป้องกันสมองเสื่อม, การกินช็อกโกแลตเพื่อเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด, การรู้จักหาวิธีการที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข เมื่อรู้วิธีการดังกล่าวข้างต้นแล้วเราจึงควรรักษาสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นนะคะ


วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์บทความ เรื่อง อย่างไรที่เรียกว่า “พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก”


อย่างไรที่เรียกว่า พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก

..................................................................................................................
ภารกิจของพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้ คงต้องยอมรับว่ามีภาระหนักกับการอบรมเลี้ยงดูลูกในสังคมปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้น การใช้วิธีการเลี้ยงดูเช่นเดียวกับที่ตนเคยเป็นลูกในอดีต ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากสภาพของสังคมบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก และมีความแตกต่างกับยุคสมัยที่ตนเองอยู่ในฐานะที่เป็นลูกโดยสิ้นเชิง

ในขณะที่ทุกคนมีลูกที่ต้องอบรมเลี้ยงดู และย่อมเป็นความต้องการสูงสุดของผู้ที่เป็นพ่อแม่คือ ความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก เพื่อให้เป็นคนดี และเป็นคนที่มีความสามารถ อยู่ในศาสนาแบบยั่งยืน จริงอยู่ พ่อแม่หลายคนอาจประสบปัญหาอุปสรรคในภารกิจดังกล่าวบ้าง ก็ขอให้ฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น เพื่อพบทางออกที่ดี และได้รับความรัก ความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ย่อมเป็นสิ่งที่พึงประสงค์อันมีคุณค่ายิ่ง

การให้ความรักอย่างเพียงพอ ถือเป็นเรื่องสำคัญในสังคมยุคนี้ พ่อแม่บางคนอาจมองเรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมดา และตีความหมายเป็นอย่างอื่น ทำให้สมาชิกในครอบครัวขาดแคลนความรัก หรือได้รับความรักน้อยเกินไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า “ความรักความสนใจที่จริงใจก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ” นอกจากนี้ อาจมีผลพลอยได้จากการหยิบยื่นความรักให้แก่ลูกอย่างถูกต้องและเหมาะสม กล่าวคือ


  • ลูกได้รับรู้และรู้สึกว่าตนเป็นที่รัก ย่อมอยากแสดงความดีให้พ่อแม่เห็น เป็นการตอบแทน
  • ให้ความรักอย่างสม่ำเสมอและปราศจากเงื่อนไขในทุกโอกาส
ยิ่งกว่านั้น “วินัย” เป็นคำ ๆ เดียว ที่พ่อแม่จะต้องปลูกฝัง หรือซึมซับให้เกิดขึ้นในตัวลูกให้ได้ ครอบครัวไทยโดยองค์รวม มักให้ความสำคัญในเรื่องวินัย ไม่มากเท่าที่ควร สำหรับครอบครัวมุสลิม การฝึกวินัยเกี่ยวกับการปฏิบัติละหมาดฟัรดู ถือเป็นการฝึกวินัยขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพในการสร้างวินัยในตนเองอย่างยิ่ง ดังนั้น การฝึกวินัยให้ลูกด้วยความรักแห่งการปฏิบัติละหมาดจนเป็นนิสัย แน่นอน ลูกจะได้รับการพัฒนาวินัยของตนเองได้ และเมื่อนั้น ลูกจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนี้

  1. มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มองตนเองว่ามีคุณค่า และมองคนอื่นในแง่ดีเสมอ
  2. รู้ว่าอะไรถูก-อะไรผิด สามารถจำแนก แยกแยะได้ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติละหมาดเป็นการป้องกันการกระทำในสิ่งอิสลามห้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
  3. มีทางเลือกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ถูกภาวะกดดัน หรือมีข้อจำกัดในการหาทางออก
ในทำนองเดียวกัน การที่พ่อแม่สามารถเปลี่ยนแปลงลูกไปสู่พฤติกรรมดังกล่าวได้ แน่นอน อาจช่วยส่งเสริมปัจจัยทั้ง 3 ประการนี้โดย :
  • พ่อแม่มีความสม่ำเสมอในเรื่องของความอดทน และสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างเป็นอย่างดี
  • สื่อความหมายกับลูกให้ชัดเจน ปากกับใจต้องตรงกัน
  • ทำความเข้าใจพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของลูกว่ามีความหมายอย่างไร ทำไปเพื่ออะไร เพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
  • ให้ความมั่นใจ ใส่ใจพฤติกรรมที่ถูกต้อง มากกว่าการจับจ้องพฤติกรรมที่พ่อแม่ยังไม่พอใจ
  • ชมเชยสิ่งที่ดีของเขา
  • สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านให้สามารถเล่นรื้อค้นได้อย่างปลอดภัย กรณีมีลูกอยู่ในวัยกำลังเล่น กำลังซน
  • กำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้าใจง่าย บอกให้รู้ว่าอะไรที่พ่อแม่ต้องการให้ทำ และอะไรที่ไม่ต้องการให้ทำ
  • สถานการณ์บางขณะในบ้าน เช่น พี่น้องทะเลาะกัน อาจนำไปสู่การเกิดอารมณ์รุนแรง พ่อแม่ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม รู้จังหวะที่จะเข้าไปจัดการอย่างเหมาะสม
ปัจจุบัน การมีเวลาให้กับครอบครัว ถือเป็นประเด็นสำคัญสำหรับพ่อแม่ในยุคนี้ พ่อแม่หลายคนมักไม่เห็นความสำคัญของเรื่องเวลา ทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวมีความรุนแรงจนสุดจะแก้ไขเยียวยาได้ ดังนั้น พ่อแม่ควรมีเวลาเล่นกับลูก โดยเน้นความสนุกสนาน และสร้างสัมพันธ์ที่ดี มากกว่าการควบคุม สั่งสอน หรือเข้มงวดเรื่องการเรียน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว อาจเรียกว่า ยังขาดความเข้าใจในการสร้างสัมพันธ์กับลูกที่ดี
การมีความสนใจและให้ความสำคัญต่อคู่สมรสของตนเอง ย่อมถือเป็นแบบอย่างหรือสื่อของการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ดี กล่าวคือ พ่อแม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก่อน เพราะความรัก ความนับถือซึ่งกันและกัน การยอมรับ และให้เกียรติระหว่างกันของพ่อแม่ จะก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจของทุกคนภายในครอบครัวอย่างมีความหมายยิ่ง
สิ่งที่ครอบครัวจะปฏิเสธไม่ได้คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล หรือปัญหาของครอบครัวก็ตาม พ่อแม่ควรสอนทักษะในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องให้แก่ลูกด้วย ในฐานะเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน หรืออาจขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ใกล้ชิดหรือไว้วางใจ ให้เป็นผู้เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาให้แก่ลูกก็ได้ ทั้งนี้ ควรมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
  1. อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าวิธีการแก้ปัญหาที่เขาใช้ไปแล้วนั้น ไม่เหมาะสมอย่างไรบ้าง และแนะวิธีที่เหมาะสมกว่าเพื่อเขาจะได้นำไปใช้ ในคราวหน้า
  2. สำหรับเด็กเล็ก ๆ ให้แนะนำตรง ๆ ว่าถ้าพบปัญหานี้ควรทำอย่างไร
  3. สำหรับเด็กโตที่รู้จักคิดเองได้ พ่อแม่อาจตั้งคำถามให้เด็กคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วจึงเสนอวิธีการต่าง ๆ เพิ่มเติมให้พัฒนาความเคารพนับถือ หรือ “อิกรอม” ซึ่งกันและกัน พ่อแม่ควรทำตัวให้เป็นที่เคารพนับถือของลูก เช่น
  • แสดงกิริยาวาจาสุภาพกับลูก
  • รู้จักขอโทษเมื่อพ่อแม่เป็นฝ่ายผิด ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรี
  • สนใจกิจกรรมที่ลูกทำด้วยความจริงใจ
  • แสดงความซื่อสัตย์ รักษาสัญญาให้ลูกเห็น
  • แสดงความไว้วางใจรับฟังการตัดสินใจของลูก
  • ไม่แสดงความชื่นชม หรือเข้าข้างลูกคนใดเป็นพิเศษ หรือออกนอกหน้า
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูกนั้น นอกจากจะต้องเสริมสร้างบทบาทแห่งตนดังกล่าวแล้ว จะต้องเป็น “นักฟัง” ที่ดีอีกด้วย กล่าวคือ มีความตั้งใจรับฟังลูกอย่างจริงจัง จริงใจ พ่อแม่ที่ "ได้ยิน" ลูก จะรับรู้และเข้าใจว่าลูกกำลังจะบอกอะไร และควรสนับสนุนให้แสดงความรู้สึกที่ดีและไม่ดีออกมา การให้คำแนะนำเชิงเสนอแนะ หรือใช้คำพูดสั้น ๆ ได้ใจความ ดีกว่าการอธิบายหรือเทศนายืดยาว ตลอดจนการเปิดโอกาสให้คิดด้วยตนเองก่อน แล้วจึงเสนอแนะวิธีการของพ่อแม่ภายหลัง ก็ถือว่า เป็นวิธีการกระตุ้นให้ลูกเป็นอิสระทีละน้อย เด็กเล็กควรมีเสรีภาพและรู้จักเลือกตัดสินใจในเรื่องเล็กน้อย เมื่อโตขึ้นก็ค่อยขยายให้รู้เรื่องที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ รวมทั้งการตั้งความหวังให้อยู่ในโลกของความเป็นจริง ตามกำหนดสภาวการณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า ก็ถือเป็นการปูพื้นฐานหลักศรัทธาแห่งชีวิตอีกด้วย มีผู้กล่าวไว้ว่า :

"อย่าหวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดีตลอดเวลา

การเลี้ยงลูกมิใช่เป็นงานที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วย
เป็นงานที่เต็มไปด้วยความระทมทุกข์และเจ็บปวดหัวใจ
แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขอย่างท่วมท้น และคุ้มค่าได้เช่นกัน"

        ดังกล่าวนี้ อาจประมวลได้ว่า พ่อแม่ทุกคนล้วนมีความคาดหวังแห่งความสำเร็จของการอบรมเลี้ยงดูลูกของตนทั้งสิ้น แต่ความคาดหวังนั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง และความจริงใจ โดยมอบหมายความสำเร็จแห่งภารกิจอันหนึ่งอื้งนี้ ต่อพระผู้เป็นเจ้า เพื่อมุ่งหวังความรัก และความเมตตาสูงสุดอีกด้วย มิใช่หรือ ?
.........................................................................................................................................................................................................................
วิเคราะห์ 
ผู้เขียนชี้ให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของ การจะเลี้ยงลูกให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ รวมไปถึงมีคุณธรรม (เป็นเด็กดี) ของสังคมส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูเป็นสำคัญ เนื่องจากแต่ละบ้าน มีสภาพแวดล้อม และความเข้าใจในตัวลูกที่แตกต่างกัน ทำให้บางครั้งจึงเกิดการไม่ลงรอยทางความคิดอยู่เสมอ เมื่อบ่อยครั้งขึ้น อาจลุกลามกลายไปเป็นปัญหาพฤติกรรมเรื้อรัง ฝังและติดตัวเด็กไปจนโตได้
จึงคิดหาวิธีการทำอย่างไรไม่ให้ลูกเติบโตมาท่ามกลางการขาดคุณธรรม จริยธรรม ให้ลูกมีความสุข ให้ลูกช่วยเหลือตนเองได้ เป็นตัวของตัวเอง รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง และในที่สุด เลี้ยงลูกให้ลูกพึ่งตนเองได้ โดยให้แนวคิดสำคัญ อาทิ  ให้ความรักแก่ลูก  ปลูกฝัง วินัย  ให้เวลา เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นต้น 

จะเห็นได้ว่า การมีลูกถือเป็นความภูมิใจ และความปลื้มปีติของพ่อกับแม่ แต่การมีลูกแล้ว พ่อแม่จะต้องเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนเต็มคนด้วย นั่นคือ เลี้ยงให้ลูกมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและมีหัวใจคุณธรรม ซึ่งวิธีที่จะสอนได้ดีที่สุดคือ การใช้ความรัก ให้เวลา (คุณภาพ) และเข้าใจธรรมขาติของลูกในแต่ละช่วงวัย แล้วลูกจะเติบโตมาเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต



ประวัติส่วนตัว

ชื่่อ นางมณฑกานต์  นามสกุล ตลึงจิตร อายุ 37 ปี อาชีพ รับราชการ ที่อยู่ 27/92 ม.3 ต.นาทราย อ.เมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช