สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร | |||||||||||||||||
1. | ฝึกฝนจิตใจ ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้บอกเราไว้ว่า “ใจสว่าง ใจสะอาด ใจสงบ ถ้ามีครบจึงเรียกว่ามนุสสา” ทุกคนควรหมั่นฝึกควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองให้มั่นคง สุขุม เยือกเย็น มีเมตตา รู้จักให้อภัยและเข้าใจคนอื่น มองโลกในแง่ดี | ||||||||||||||||
2. | ฝึกปรับตน รู้จักปรับความคิดของตนเองให้เป็นคนมีเหตุมีผล ยอมรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น ปรับตนเองให้เข้ากับสภาพความเป็นจริงในสถานการณ์ต่าง ๆได้ | ||||||||||||||||
3. | ฝึกพิจารณาตนเอง สำรวจตนเองอยู่เสมอว่า ว่าตนองนั้นมีข้อเสียตรงไหนข้อดีตรงไหน ก็เก็บเป็นกำลังใจเพื่อพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น ส่วนข้อเสียก็ปรับปรุงแก้ไข | ||||||||||||||||
4. | ฝึกทำตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคม ผลการกระทำที่เกิดจากการช่วยเหลือสังคมหรือจากการกระทำคุณความดี ก็ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจ ผู้กระทำนั้นก็มีความสุขใจ ภาคภูมิใจ และยังเป็นที่ยอมรับของคนอื่นด้วย | ||||||||||||||||
5. | ฝึกยอมรับและเข้าใจธรรมชาติของชีวิต ตามหลักพุทธศาสนาสอนว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเกิดขึ้น ..ตั้งอยู่..และดับไป ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน จงใช้ชีวิตอย่างมีสติ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ การฝึกตนเองมีสุขภาพจิตดีนั้น คงไม่ยากเกินไปที่จะนำไปปฏิบัติ เริ่มต้นเสียแต่ตอนนี้ ใช้ความพยายามวักนิด คิดว่าคงไม่เกินความสามารถของแต่ละคนอย่างแน่นอน แล้วท่านก็จะเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีสุขภาพจิตดี มีชีวิตที่เป็นสุขคะ | ||||||||||||||||
“สร้างสุขด้วยรอยยิ้ม” “สยามเมืองยิ้ม | |||||||||||||||||
ให้ความรักความเข้าใจก่อนที่แผ่นดินไทยจะไม่มีใครดูแล | |||||||||||||||||
วิเคราะห์บทความเรื่องสุขภาพจิตดี ได้อย่างไร
|
Educational Creative Methodology and Innovation Management for Change
วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
สุขภาพจิตดี ได้อย่างไร
10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี (ไทยโพสต์)
ปัญหาสุขภาพเป็นเรื่องยอดฮิตติดปากของคนไทยทุกวันนี้แล้ว
เห็นได้จากการทำบุญไหว้พระ คำว่า "ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง"
กลายเป็นคำอธิษฐานมาแรงแซงหน้าในยุคปัจจุบัน
จึงเป็นเหตุผลให้ผู้คนมากมายในสังคมมองหาหนทางรักษาสุขภาพของตัวเอง
เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยอันนำมาซึ่งความเสียหายและปัญหาอื่น ๆ
ตามมามากมาย
ล่าสุด นิตยสาร H to H Magazine ได้รายงาน "10 ทิปเพื่อการมีสุขภาพดี" โดยสนับสนุนข้อมูลจากโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เราจึงนำมาบอกต่อเพื่อให้คุณ ๆ ได้ลองพิจารณา เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลย
1.แอปเปิ้ลวันละผล
คำพูดที่ว่า an apple a day, keeps doctor away เป็นจริงเสมอ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผลจะทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น จากแอนติออกซิเดนต์และสารในแอปเปิ้ลที่เรียกว่า quercetin ซึ่งช่วยทำให้ปอดแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นระบบ
2.หายใจลึก
ๆ
เราควรหายใจให้ลึกเพื่อขยายการทำงานของปอด และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ แต่ทุกวันนี้เรามักหายใจสั้น ๆ เนื่องจากการทำงานในที่อับทึบ หรือเพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันลองหายใจลึก ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง และต้องเป็นแบบหายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบด้วย จึงจะเรียกว่าถูกวิธี
3.หลีกเลี่ยงการนำผักเข้าไมโครเวฟ
จากการวิจัยของสเปนพบว่า การทำผักให้สุกในไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารหายไปได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทางเลือกที่เราควรจะเลือกคือ การรับประทานผักสด ๆ หลีกเลี่ยงผักแบบไมโครเวฟ แม้อาหารกล่องอาจให้รสอร่อย แต่จงรู้ไว้ว่าสารอาหารนั้นไม่มีเหลือแล้ว
4.ขยับตัวเสมอ..สังเกตไหม
คนที่ขยับตัวอยู่เสมอจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีกว่าคนที่เอาแต่นั่ง วิธีนี้ช่วยป้องกันอาการท้องผูก รวมไปถึงโรคกระดูกพรุนด้วย
5.ประโยชน์ของน้ำมะพร้าว
น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโน และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคส ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย เป็นต้น
6.เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง
ในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลต่อการเกิดอาการชักได้
7.กินส้มช่วยแก้อาการเบื่อหน่ายได้
การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดได้ดีออกมาด้วย
8.การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อม
อาหารมื้อเช้าช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดจะอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อย ๆ เสื่อม
9.ดาร์กช็อกโกแลตต่อต้านอนุมูลอิสระ
รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตชนิดอื่น ๆ แทบไม่มีส่วนผสมของโกโก้เลย มีเพียงดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นที่เป็นช็อกโกแลตแท้ ๆ และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีสารเฟลวานอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ ในแต่ละวันให้รับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์
10.สมการความสุข
y=b+c
y คือ ความสุข b คือ ความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข อาทิ มีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นอย่างไร รู้จักองค์ประกอบของชีวิต เป็นต้น c คือ ความอยากในชีวิต หากมีความอยากมากกว่าความรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข คนคนนั้นก็มีความสุขที่ติดลบ
ที่มา : http://health.kapook.com/view398.html
วิเคราะห์บทความเรื่อง 10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี
มนุษย์ทุกคน รักตัวเอง ต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จากเหตุผลดังกล่าว เราสามารถทำให้สุขภาพดีได้ง่ายๆ จากการเลือกรับประทานอาหาร และ การกำหนดกิจกรรมในชีวิตประจำวันง่ายๆ อาทิ ทานแอปเปิ้ล วันละผล เพื่อให้ปอดแข็งแรง, กำหนดลมหายใจโดยการหายใจลึกๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ, การรับประทานผักสด, การขยับและเคลื่อนไหวตัวอยู่เสมอเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี, กินน้ำมะพร้าวเพื่อให้ร่างการได้รับแร่ธาตุครบถ้วน,การรับประทานอาหารมื้อเช้าให้เป็นนิสัยเพื่อป้องกันสมองเสื่อม, การกินช็อกโกแลตเพื่อเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด, การรู้จักหาวิธีการที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข เมื่อรู้วิธีการดังกล่าวข้างต้นแล้วเราจึงควรรักษาสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นนะคะ
ล่าสุด นิตยสาร H to H Magazine ได้รายงาน "10 ทิปเพื่อการมีสุขภาพดี" โดยสนับสนุนข้อมูลจากโรงพยาบาลเปาโล เมโมเรียล เราจึงนำมาบอกต่อเพื่อให้คุณ ๆ ได้ลองพิจารณา เพราะไม่ใช่เรื่องยากเลย

คำพูดที่ว่า an apple a day, keeps doctor away เป็นจริงเสมอ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยลอนดอนพบว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผลจะทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น จากแอนติออกซิเดนต์และสารในแอปเปิ้ลที่เรียกว่า quercetin ซึ่งช่วยทำให้ปอดแข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นระบบ

เราควรหายใจให้ลึกเพื่อขยายการทำงานของปอด และทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ แต่ทุกวันนี้เรามักหายใจสั้น ๆ เนื่องจากการทำงานในที่อับทึบ หรือเพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันลองหายใจลึก ๆ ให้ได้อย่างน้อยวันละ 10 ครั้ง และต้องเป็นแบบหายใจเข้า ท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบด้วย จึงจะเรียกว่าถูกวิธี

จากการวิจัยของสเปนพบว่า การทำผักให้สุกในไมโครเวฟจะทำให้สารอาหารหายไปได้ถึง 97 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นทางเลือกที่เราควรจะเลือกคือ การรับประทานผักสด ๆ หลีกเลี่ยงผักแบบไมโครเวฟ แม้อาหารกล่องอาจให้รสอร่อย แต่จงรู้ไว้ว่าสารอาหารนั้นไม่มีเหลือแล้ว

คนที่ขยับตัวอยู่เสมอจะมีระบบย่อยอาหารที่ดีกว่าคนที่เอาแต่นั่ง วิธีนี้ช่วยป้องกันอาการท้องผูก รวมไปถึงโรคกระดูกพรุนด้วย

น้ำมะพร้าวเป็นน้ำผลไม้ที่ดีที่สุดชนิดหนึ่ง มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการครบถ้วน เช่น โพแทสเซียม เหล็ก โซเดียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส กรดอะมิโน และวิตามินบี แถมยังมีน้ำตาลกลูโคส ที่ร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที มีไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และมีประโยชน์ในการขับสารพิษและชำระล้างร่างกาย เป็นต้น

ในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลต่อการเกิดอาการชักได้

การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเอง จะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดได้ดีออกมาด้วย

อาหารมื้อเช้าช่วยต่อต้านการแข็งตัวของเลือด เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดจะอุดตันมากขึ้น สารอาหารไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อย ๆ เสื่อม

รู้ไหมว่า ช็อกโกแลตชนิดอื่น ๆ แทบไม่มีส่วนผสมของโกโก้เลย มีเพียงดาร์กช็อกโกแลตเท่านั้นที่เป็นช็อกโกแลตแท้ ๆ และยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะมีสารเฟลวานอยด์ที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด โดยปริมาณที่เหมาะสมคือ ในแต่ละวันให้รับประทานช็อกโกแลตดำประมาณครึ่งออนซ์

y คือ ความสุข b คือ ความรู้ว่าทำอย่างไรจึงจะมีความสุข อาทิ มีความเข้าใจชีวิตว่าเป็นอย่างไร รู้จักองค์ประกอบของชีวิต เป็นต้น c คือ ความอยากในชีวิต หากมีความอยากมากกว่าความรู้ที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข คนคนนั้นก็มีความสุขที่ติดลบ
ที่มา : http://health.kapook.com/view398.html
วิเคราะห์บทความเรื่อง 10 เคล็ดลับเพื่อสุขภาพดี
มนุษย์ทุกคน รักตัวเอง ต้องการมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จากเหตุผลดังกล่าว เราสามารถทำให้สุขภาพดีได้ง่ายๆ จากการเลือกรับประทานอาหาร และ การกำหนดกิจกรรมในชีวิตประจำวันง่ายๆ อาทิ ทานแอปเปิ้ล วันละผล เพื่อให้ปอดแข็งแรง, กำหนดลมหายใจโดยการหายใจลึกๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ, การรับประทานผักสด, การขยับและเคลื่อนไหวตัวอยู่เสมอเพื่อระบบย่อยอาหารที่ดี, กินน้ำมะพร้าวเพื่อให้ร่างการได้รับแร่ธาตุครบถ้วน,การรับประทานอาหารมื้อเช้าให้เป็นนิสัยเพื่อป้องกันสมองเสื่อม, การกินช็อกโกแลตเพื่อเพิ่มการไหลเวียนระบบหลอดเลือด, การรู้จักหาวิธีการที่จะทำให้ชีวิตมีความสุข เมื่อรู้วิธีการดังกล่าวข้างต้นแล้วเราจึงควรรักษาสุขภาพตัวเองให้มากขึ้นนะคะ
วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
วิเคราะห์บทความ เรื่อง อย่างไรที่เรียกว่า “พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก”
อย่างไรที่เรียกว่า “พ่อแม่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก”
..................................................................................................................
ภารกิจของพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้
คงต้องยอมรับว่ามีภาระหนักกับการอบรมเลี้ยงดูลูกในสังคมปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้น
การใช้วิธีการเลี้ยงดูเช่นเดียวกับที่ตนเคยเป็นลูกในอดีต ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก
เนื่องจากสภาพของสังคมบ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก
และมีความแตกต่างกับยุคสมัยที่ตนเองอยู่ในฐานะที่เป็นลูกโดยสิ้นเชิงในขณะที่ทุกคนมีลูกที่ต้องอบรมเลี้ยงดู และย่อมเป็นความต้องการสูงสุดของผู้ที่เป็นพ่อแม่คือ ความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูก เพื่อให้เป็นคนดี และเป็นคนที่มีความสามารถ อยู่ในศาสนาแบบยั่งยืน จริงอยู่ พ่อแม่หลายคนอาจประสบปัญหาอุปสรรคในภารกิจดังกล่าวบ้าง ก็ขอให้ฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้น เพื่อพบทางออกที่ดี และได้รับความรัก ความเมตตาจากพระผู้เป็นเจ้า ก็ย่อมเป็นสิ่งที่พึงประสงค์อันมีคุณค่ายิ่ง
การให้ความรักอย่างเพียงพอ ถือเป็นเรื่องสำคัญในสังคมยุคนี้ พ่อแม่บางคนอาจมองเรื่องความรักเป็นเรื่องธรรมดา และตีความหมายเป็นอย่างอื่น ทำให้สมาชิกในครอบครัวขาดแคลนความรัก หรือได้รับความรักน้อยเกินไป ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า “ความรักความสนใจที่จริงใจก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ” นอกจากนี้ อาจมีผลพลอยได้จากการหยิบยื่นความรักให้แก่ลูกอย่างถูกต้องและเหมาะสม กล่าวคือ
- ลูกได้รับรู้และรู้สึกว่าตนเป็นที่รัก ย่อมอยากแสดงความดีให้พ่อแม่เห็น เป็นการตอบแทน
- ให้ความรักอย่างสม่ำเสมอและปราศจากเงื่อนไขในทุกโอกาส
- มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มองตนเองว่ามีคุณค่า และมองคนอื่นในแง่ดีเสมอ
- รู้ว่าอะไรถูก-อะไรผิด สามารถจำแนก แยกแยะได้ถูกต้อง เพราะการปฏิบัติละหมาดเป็นการป้องกันการกระทำในสิ่งอิสลามห้ามอย่างมีประสิทธิภาพ
- มีทางเลือกในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ไม่ถูกภาวะกดดัน หรือมีข้อจำกัดในการหาทางออก
- พ่อแม่มีความสม่ำเสมอในเรื่องของความอดทน และสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้อย่างเป็นอย่างดี
- สื่อความหมายกับลูกให้ชัดเจน ปากกับใจต้องตรงกัน
- ทำความเข้าใจพฤติกรรมที่เป็นปัญหาของลูกว่ามีความหมายอย่างไร ทำไปเพื่ออะไร เพื่อใช้เป็นแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
- ให้ความมั่นใจ ใส่ใจพฤติกรรมที่ถูกต้อง มากกว่าการจับจ้องพฤติกรรมที่พ่อแม่ยังไม่พอใจ
- ชมเชยสิ่งที่ดีของเขา
- สร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านให้สามารถเล่นรื้อค้นได้อย่างปลอดภัย กรณีมีลูกอยู่ในวัยกำลังเล่น กำลังซน
- กำหนดกฎเกณฑ์ที่เข้าใจง่าย บอกให้รู้ว่าอะไรที่พ่อแม่ต้องการให้ทำ และอะไรที่ไม่ต้องการให้ทำ
- สถานการณ์บางขณะในบ้าน เช่น พี่น้องทะเลาะกัน อาจนำไปสู่การเกิดอารมณ์รุนแรง พ่อแม่ต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลม รู้จังหวะที่จะเข้าไปจัดการอย่างเหมาะสม
การมีความสนใจและให้ความสำคัญต่อคู่สมรสของตนเอง ย่อมถือเป็นแบบอย่างหรือสื่อของการอบรมเลี้ยงดูลูกที่ดี กล่าวคือ พ่อแม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก่อน เพราะความรัก ความนับถือซึ่งกันและกัน การยอมรับ และให้เกียรติระหว่างกันของพ่อแม่ จะก่อให้เกิดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจของทุกคนภายในครอบครัวอย่างมีความหมายยิ่ง
สิ่งที่ครอบครัวจะปฏิเสธไม่ได้คือ ปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะบุคคล หรือปัญหาของครอบครัวก็ตาม พ่อแม่ควรสอนทักษะในการแก้ปัญหาที่ถูกต้องให้แก่ลูกด้วย ในฐานะเป็นผู้มีประสบการณ์ชีวิตมาก่อน หรืออาจขอความช่วยเหลือจากบุคคลที่ใกล้ชิดหรือไว้วางใจ ให้เป็นผู้เสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาให้แก่ลูกก็ได้ ทั้งนี้ ควรมีแนวปฏิบัติ ดังนี้
- อธิบายให้ลูกเข้าใจว่าวิธีการแก้ปัญหาที่เขาใช้ไปแล้วนั้น ไม่เหมาะสมอย่างไรบ้าง และแนะวิธีที่เหมาะสมกว่าเพื่อเขาจะได้นำไปใช้ ในคราวหน้า
- สำหรับเด็กเล็ก ๆ ให้แนะนำตรง ๆ ว่าถ้าพบปัญหานี้ควรทำอย่างไร
- สำหรับเด็กโตที่รู้จักคิดเองได้ พ่อแม่อาจตั้งคำถามให้เด็กคิดว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร แล้วจึงเสนอวิธีการต่าง ๆ เพิ่มเติมให้พัฒนาความเคารพนับถือ หรือ “อิกรอม” ซึ่งกันและกัน พ่อแม่ควรทำตัวให้เป็นที่เคารพนับถือของลูก เช่น
- แสดงกิริยาวาจาสุภาพกับลูก
- รู้จักขอโทษเมื่อพ่อแม่เป็นฝ่ายผิด ไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียศักดิ์ศรี
- สนใจกิจกรรมที่ลูกทำด้วยความจริงใจ
- แสดงความซื่อสัตย์ รักษาสัญญาให้ลูกเห็น
- แสดงความไว้วางใจรับฟังการตัดสินใจของลูก
- ไม่แสดงความชื่นชม หรือเข้าข้างลูกคนใดเป็นพิเศษ หรือออกนอกหน้า
อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จในการอบรมเลี้ยงดูลูกนั้น
นอกจากจะต้องเสริมสร้างบทบาทแห่งตนดังกล่าวแล้ว จะต้องเป็น “นักฟัง” ที่ดีอีกด้วย
กล่าวคือ มีความตั้งใจรับฟังลูกอย่างจริงจัง จริงใจ พ่อแม่ที่ "ได้ยิน" ลูก
จะรับรู้และเข้าใจว่าลูกกำลังจะบอกอะไร
และควรสนับสนุนให้แสดงความรู้สึกที่ดีและไม่ดีออกมา การให้คำแนะนำเชิงเสนอแนะ
หรือใช้คำพูดสั้น ๆ ได้ใจความ ดีกว่าการอธิบายหรือเทศนายืดยาว
ตลอดจนการเปิดโอกาสให้คิดด้วยตนเองก่อน แล้วจึงเสนอแนะวิธีการของพ่อแม่ภายหลัง
ก็ถือว่า เป็นวิธีการกระตุ้นให้ลูกเป็นอิสระทีละน้อย
เด็กเล็กควรมีเสรีภาพและรู้จักเลือกตัดสินใจในเรื่องเล็กน้อย
เมื่อโตขึ้นก็ค่อยขยายให้รู้เรื่องที่ใหญ่ขึ้นตามลำดับ
รวมทั้งการตั้งความหวังให้อยู่ในโลกของความเป็นจริง
ตามกำหนดสภาวการณ์แห่งพระผู้เป็นเจ้า
ก็ถือเป็นการปูพื้นฐานหลักศรัทธาแห่งชีวิตอีกด้วย มีผู้กล่าวไว้ว่า :
"อย่าหวังว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดีตลอดเวลา
การเลี้ยงลูกมิใช่เป็นงานที่ง่ายเหมือนปลอกกล้วย
เป็นงานที่เต็มไปด้วยความระทมทุกข์และเจ็บปวดหัวใจ
แต่ก็เต็มไปด้วยความสุขอย่างท่วมท้น และคุ้มค่าได้เช่นกัน"
ดังกล่าวนี้ อาจประมวลได้ว่า พ่อแม่ทุกคนล้วนมีความคาดหวังแห่งความสำเร็จของการอบรมเลี้ยงดูลูกของตนทั้งสิ้น แต่ความคาดหวังนั้น ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความตั้งใจจริง และความจริงใจ โดยมอบหมายความสำเร็จแห่งภารกิจอันหนึ่งอื้งนี้ ต่อพระผู้เป็นเจ้า เพื่อมุ่งหวังความรัก และความเมตตาสูงสุดอีกด้วย มิใช่หรือ ?
.........................................................................................................................................................................................................................
วิเคราะห์
ผู้เขียนชี้ให้เห็นถึงความละเอียดอ่อนของ การจะเลี้ยงลูกให้มีความสมบูรณ์ทั้งทางร่างกาย และจิตใจ รวมไปถึงมีคุณธรรม
(เป็นเด็กดี) ของสังคมส่วนหนึ่งมาจากการเลี้ยงดูเป็นสำคัญ เนื่องจากแต่ละบ้าน มีสภาพแวดล้อม
และความเข้าใจในตัวลูกที่แตกต่างกัน
ทำให้บางครั้งจึงเกิดการไม่ลงรอยทางความคิดอยู่เสมอ เมื่อบ่อยครั้งขึ้น
อาจลุกลามกลายไปเป็นปัญหาพฤติกรรมเรื้อรัง ฝังและติดตัวเด็กไปจนโตได้
จึงคิดหาวิธีการทำอย่างไรไม่ให้ลูกเติบโตมาท่ามกลางการขาดคุณธรรม จริยธรรม ให้ลูกมีความสุข ให้ลูกช่วยเหลือตนเองได้ เป็นตัวของตัวเอง รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง และในที่สุด เลี้ยงลูกให้ลูกพึ่งตนเองได้ โดยให้แนวคิดสำคัญ อาทิ ให้ความรักแก่ลูก ปลูกฝัง วินัย ให้เวลา เป็นตัวอย่างที่ดี เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า การมีลูกถือเป็นความภูมิใจ และความปลื้มปีติของพ่อกับแม่
แต่การมีลูกแล้ว พ่อแม่จะต้องเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนเต็มคนด้วย นั่นคือ
เลี้ยงให้ลูกมีความสมบูรณ์ทั้งร่างกายและมีหัวใจคุณธรรม
ซึ่งวิธีที่จะสอนได้ดีที่สุดคือ การใช้ความรัก ให้เวลา (คุณภาพ)
และเข้าใจธรรมขาติของลูกในแต่ละช่วงวัย
แล้วลูกจะเติบโตมาเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ และมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต
ประวัติส่วนตัว
ชื่่อ นางมณฑกานต์ นามสกุล ตลึงจิตร อายุ 37 ปี อาชีพ รับราชการ ที่อยู่ 27/92 ม.3 ต.นาทราย อ.เมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)